ลวดเชื่อมก้านธูปสำหรับเชื่อม Arc
การเชื่อมเหล็กหล่อ คืออะไร?
การเชื่อมชิ้นส่วนเหล็กหล่อใช้ในงานซ่อมแซ่มเป็นส่วนใหญ่ทำให้สามารถประหยัดเวลาและเงินได้เนื่องจากไม่ต้องทิ้งชิ้นงานที่เสียหาย แต่ก็มีความยากอยู่ที่การเชื่อมมักส่งผลให้เกิดการแตกร้าวหรือความเสียหายอื่นๆได้ หากไม่ทำการเชื่อมอย่างถูกวิธี ซึ่งหากต้องทำการเชื่อมเหล็กหล่อ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาขั้นตอนที่จำเป็นในการเชื่อมชิ้นส่วนนั้นๆ เพื่อให้การเชื่อมมีประสิทธิภาพ ซึ่งก่อนเริ่มต้นการเชื่อมชิ้นงาน เราต้องแน่ใจก่อนว่าชิ้นงานเป็นเหล็กหล่อประเภทใด จึงจะเลือกเทคนิคการเชื่อม และลวดเชื่อมเหล็กหล่อที่เหมาะสมได้
เทคนิคการเชื่อม
การเลือกเทคนิคในการเชื่อมตามความเหมาะสมกับโลหะผสมเหล็กหล่อที่จะทำการเชื่อม ซึ่งกระบวนการเชื่อมที่พบบ่อยที่สุดคือ การเชื่อมแบบลวดเชื่อมไฟฟ้า หรือที่เรียกว่าการเชื่อม MMA
ลวดเชื่อมเหล็กหล่อ คืออะไร?
ลวดเชื่อมเหล็กหล่อ หรือ Cast iron welding electrode เป็นลวดเชื่อมเหล็กหล่อที่ใช้สำหรับเชื่อมหรือซ่อมแซมชิ้นงานที่เป็นเหล็กหล่อ โดยลวดเชื่อมเหล็กหล่อจะมีส่วนผสมของนิกเกิล ซึ่งปริมาณสัดส่วนของนิกเกิลจะขึ้นอยู่กับเกรดและประเภทของลวดเชื่อมเหล็กหล่อประเภทนั้น ๆ
เหล็กหล่อแบ่งออกเป็นกี่ประเภท?
เหล็กหล่อสามารถแบ่งตามลักษณะของโครงสร้างการรวมตัวของคาร์บอนเป็นหลักได้ 4 ประเภทคือ
- เหล็กหล่อสีเทาหรือสีดำ (Gray Cast Iron)
เหล็กหล่อชนิดนี้เป็นเหล็กหล่อที่มีส่วนผสม และโครงสร้างใกล้เคียงกับเหล็กดิบ (Pig iron) ที่ถลุงจากเตาสูง (Blast Purnace) เหล็กหล่อชนิดนี้เมื่อหักดูเนื้อเหล็กตรงรอยหักจะเห็นเม็ดเกรนเป็นสีเทา แตกต่างกับเหล็กหล่อสีขาว ทั้งมีเปอร์เซ็นต์คาร์บอนที่ใกล้เคียงกันประมาณ 3 – 3.5% แต่คาร์บอนในเหล็กหล่อสีเทานี้จะเกิดขึ้นเนื่องจากเย็นตัวเป็นไปอย่างช้า ๆ ทำให้คาร์บอนส่วนใหญ่จะแยกตัวออกมารวมกันในรูปของคาร์บอนบริสุทธ์เป็นแผ่นหรือเกล็ด (Flakes) ซึ่งเรียกว่า กราไฟต์ “Graphite” ซึ่งทำให้ดูเป็นสีเทาแต่ก็ยังมีคาร์บอนบางส่วนรวมตัวในลักษณะสารประกอบในเนื้อเหล็ก (Cementite) เหมือนเหล็กหล่อสีขาวนอกจากนี้ยังมีธาตุที่ผสมอื่นอยู่ เช่น ซิลิกอน, แมงกานีส, ฟอสฟอรัส และ กำมะถัน
คุณสมบัติของเหล็กหล่อสีเทา
- มีความแข็งไม่มากนัก สามารถกลึงหรือไส ตบแต่งให้ได้ขนาดตามต้องการได้
- มีอุณหภูมิหลอมเหลวต่ำ และมีความสามารถในการไหล (Fluidity) ดีสามารถหล่อหลอมให้ได้รูปร่างชนิดซับซ้อนได้ง่าย
- มีอัตราการขยายตัวน้อยสามารถใช้ทำส่วนประกอบของเครื่องจักรกลที่ต้องการรูปร่างและขนาดที่แน่นอน
- มีความต้านทานต่อแรงอัด และรับแรงสั่น (Dam ping Capacity) ได้ดี ใช้ทำแท่นรองรับอุปกรณ์ เครื่องมือกลต่างๆ ได้ดี
- สามารถที่จะปรับปรุงคุณสมบัติความต้านทานแรงดึงได้มากขึ้นอยู่กับการปรับปรุงส่วนผสมและการอบชุบ ทำให้ใช้งานได้กว้างขวาง
การใช้งาน
ใช้ทำชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ เช่น ก้านสูบ ทำท่อน้ำ ขนาดใหญ่ และแท่นฐานเครื่องจักรกลต่าง ๆ เช่น ฐานเครื่องกลึง, เครื่องกัด ทำปากกาจับชิ้นงาน ฯลฯ
- เหล็กหล่อกราไฟต์กลม (Spheroidal Graphite Cast Iron or Nodular Cast Iron)
เหล็กหล่อกราไฟต์กลมมีเปอร์เซ็นต์คาร์บอนอยู่ประมาณ 3–3.5% และยังมีธาตุอื่นที่ผสมอยู่ เช่น แมกนี-เซี่ยม และนิกเกิล เหล็กหล่อชนิดนี้ได้มาจากเหล็กหล่อสีเทาอีกทีหนึ่งโดยผสมแมกนีเซียม–นิกเกิลลงในน้ำเหล็กก่อนเทลงแบบ ซึ่งจะทำให้
กราไฟต์ (คาร์บอนบริสุทธิ์ที่รวมตัวอยู่ในเนื้อเหล็ก) มีลักษณะเป็นวงกลม (Spheroids) เหล็กหล่อกราไฟต์กลมต่างกับเหล็กหล่อสีเทาตรงที่คาร์บอนรวมตัวเป็นกราไฟต์ในลักษณะกลม (กราไฟต์ของเหล็กหล่อสีเทาอยู่ในลักษณะยาวๆ) คุณสมบัติที่ได้จึงเหนียวและรับแรงกระแทกได้ดีกว่าเหล็กหล่อสีเทา จึงเป็นที่นิยมใช้มาก โครงสร้างของเหล็กชนิดนี้จะมีโครงสร้างพื้นเป็นเฟอร์ไรท์ (Ferrite) และเพิรไลท์ (Pearlite)
คุณสมบัติของเหล็กหล่อกราไฟต์กลม
- ทนแรงดึงได้สูงประมาณ 540–700 นิวตัน /มม.²
- มีอัตราการยึดตัวประมาณ 1–5%
- สามารถนำไปอบลดความเครียด หรือชุบผิวแข็งได้
- ความแข็งและความเปราะลดลง ทำให้กลึง, กัด, ไส, เจาะได้ง่าย
- ทนต่อการสึกหรอได้ดี
- ทนความร้อนได้ดี
- สามารถนำไปตีขึ้นรูปได้
- สามารถรับแรงกระแทกได้ดี
การใช้งาน ใช้ทำชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ เช่น เพล้าข้อเหวี่ยง, เครื่องมือการเกษตร, ชิ้นส่วนเรือเดินทะเล, โครงสร้างเครื่องจักรขนาดใหญ่, ท่อส่งน้ำ, ท่อส่งแก๊ส
- เหล็กหล่อ CGI (Compacted graphite)
เหล็กหล่อ CGI จะมีเปอร์เซ็นต์คาร์บอนประมาณ 4.2% และมีธาตุอื่นที่ผสมอยู่ เช่น แมกนีเซียม(Magnisium) และนิกเกิล (Nichel) เหล็กหล่อชนิดนี้จะมีเนื้อเม็ดเกรนจะแตกต่างจากเหล็กหล่อกราไฟต์กลม คือ เหล็กหล่อชนิดนี้มีกราไฟต์เป็นลักษณะคดยาวคล้ายตัวหนอน (Vermicular graphite) และมีความต้านทานแรงดึงได้ดี และการหดตัวต่ำ เหล็กชนิดนี้จะมีคุณสมบัติอยู่ระหว่างเหล็กหล่อกราไฟต์กลมกับเหล็กหล่อสีเทา เหล็กหล่อชนิดนี้จะมีความต้านทานแรงดึงได้ดีกว่าเหล็กหล่อสีเทา จะอยู่ในเกณฑ์เดียวกับกราไฟต์ก้อนกลม แต่ความเหนียวจะด้อยกว่า
การใช้งาน ใช้ทำเฟือง (Gear) ล้อช่วยแรง (fly wheel), เบรคดุม (Brake drum) และท่อไอเสีย (Exhaust Manifolds)
- เหล็กหล่ออบเหนียว (Malleable Cast Irons) หรือเหล็กหล่อเหนียว (GT)
เหล็กหล่อชนิดนี้สามารถทนต่อแรงดึงได้ดีกว่าเหล็กหล่อสีเทา และเหล็กหล่อสีขาว แต่น้อยกว่าเหล็กกราไฟต์กลม นอกจากนี้ทนต่อแรงกระแทกได้ดี มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับเหล็กกล้า เหล็กหล่อชนิดนี้ทำจากเหล็กสีขาวไปผ่านกรรมวิธีอบอ่อน ควบคุมการเย็นตัว ซึ่งจะทำให้โครงสร้างเปลี่ยนแปลงไป แต่ข้อเสียของเหล็กหล่ออบเหนียวนี้ คือ ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอบอ่อนสูงและ ทำกับชิ้นงานที่มีความหนาได้ไม่เกิน 50 มม.
คุณสมบัติของเหล็กหล่อเหนียว
- ความเหนียวจะเพิ่มมากขึ้นกว่าเหล็กหล่อสีเทาและเหล็กหล่อสีขาว
- ความแข็งจะเพิ่มมากกว่าเหล็กหล่อสีขาว แต่น้อยกว่าเหล็กหล่อสีเทา
- อัตราการยืดตัวจะมากขึ้น
- ทนต่อแรงกระแทกได้ดี
- สามารถนำไปชุบผิวแข็งได้มาก
ลวดเชื่อมเหล็กหล่อ คุณภาพเยี่ยมจากแบรนด์ KOVET
- ลวดเชื่อมเหล็กหล่อ KOVET-IN 55
ลวดเชื่อมเหล็กหล่อเกรดที่มีแกนโลหะผสมนิกเกิล 55 เปอร์เซ็นต์ ใช้ได้ทั้งกับระบบการเชื่อม AC และ DC เนื่องจากมาพร้อมคุณสมบัติระดับความแข็งสูง มีโอกาสการเกิดสนิมระดับน้อย อีกทั้งใช้ได้ทั้งในงานเชื่อมและการกลึงแต่งแนวเชื่อม เหมาะสำหรับงานเชื่อมรอยต่อ เชื่อมพอกอะไหล่จักรกลให้แข็งแรง และซ่อมชิ้นงานส่วนที่เป็นเหล็กหล่อ ที่สำคัญ ลวดเชื่อมเหล็กหล่อรุ่นนี้ของ KOVET สามารถดัดงอเป็นรูปร่างได้ด้วย
- ลวดเชื่อมเหล็กหล่อ KOVET-IN 98
ลวดเชื่อมเหล็กหล่อเกรดบริสุทธิ์ที่มีส่วนผสมของนิกเกิลสูงถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ทนทานต่อการแตกร้าวได้ประสิทธิภาพสูง ใช้กระแสไฟต่ำในการเชื่อม สามารถใช้ได้กับทั้งระบบ AC และ DC ใช้งานเชื่อมง่ายและรอยเชื่อมมีความเรียบสวย เหมาะสำหรับใช้เชื่อมต่อเติม อุดรู แก้ไขงานที่มีความผิดพลาดในด้านรูปทรง ซ่อมแนวเหล็กที่แตกร้าวและเชื่อมยึดต่อกับโลหะประเภทอื่น ๆ อาทิ เสื้อสูบ อุปกรณ์หล่อเย็นด้วยน้ำ เฟืองเหล็กหล่อ เสื้อเกียร์ และเครื่องยนต์ มีจำหน่าย 3 ขนาด ได้แก่ ขนาด 2.6 มิลลิเมตร ขนาด 3.2 มิลลิเมตร และขนาด 4 มิลลิเมตร
ความแตกต่างระหว่างลวดเชื่อมเหล็กหล่อ NI-55 และลวดเชื่อมเหล็กหล่อ NI-98
- ลวดเชื่อมเหล็กหล่อ NI-55
ลวดเชื่อมเหล็กหล่อที่มีส่วนผสมของแกนนิกเกิลอยู่ประมาณ 55 เปอร์เซ็นต์ คุณสมบัติเด่นของลวดเชื่อมเหล็กหล่อเกรดนี้ คือ แนวเชื่อมที่ได้จะมีเนื้อที่ค่อนข้างแข็งและเหนียว ทนทานต่อการกัดกร่อนและการเสียดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าลวดเชื่อมเหล็กหล่อ NI-98 เหมาะสำหรับงานที่ไม่ได้รับแรงดึง เพราะด้วยคุณสมบัติที่มีความแข็งสูง และมีค่าสัมประสิทธิการขยายตัวทางความร้อนที่ต่ำ
- ลวดเชื่อมเหล็กหล่อ NI-98
ลวดเชื่อมเหล็กหล่อนิกเกิลบริสุทธิ์ที่มีแกนนิกเกิลสูงถึง 98 เปอร์เซ็นต์ จัดเป็นลวดเชื่อมเหล็กหล่อเกรดพรีเมี่ยมเลยก็ว่าได้ ตัวเนื้อมีคุณสมบัติที่ค่อนข้างนุ่มกว่าลวดเชื่อมเหล็กหล่อ NI-55 ทำให้การกลึงหรือแต่งแนวเชื่อมได้ง่ายกว่า รวมถึงแนวเชื่อมจะมีความนุ่มและมีความยืดหยุ่น เหมาะสำหรับงานที่ต้องรับแรงดึง อีกทั้งยังทนต่อการแตกร้าวได้เป็นอย่างดี แต่ลวดเชื่อมเหล็กหล่อ NI-98 ก็มีข้อเสียเหมือนกัน เพราะมีราคาที่ค่อนข้างสูง
การเลือกใช้ลวดเชื่อมเหล็กหล่อ ?
ลวดเชื่อมเหล็กหล่อ NI-55 และ NI-98 เหมาะสมกับการเชื่อม เหล็กหล่อกราไฟต์กลม, ลวดเชื่อมเหล็กหล่ออบเหนียว, ลวดเชื่อมเหล็กหล่อสีเทา สามารถใช้ได้ทั้ง 2 ชนิด แต่การนำไปใช้กับงานที่ต้องรับแรงเสียดสีหรือไม่ต้องรับแรงดึงให้เลือก NI-55 แต่งานที่ไม่ต้องรับแรงเสียดสีหรือต้องรับแรงดึงให้เลือก NI-98